5 เหตุผลที่คุณไม่ควร "ขาย"





5 เหตุผลที่คุณไม่ควร "ขาย" 

"สินค้าและโอกาสทางธุรกิจเครือข่าย"ในหน้า facebook ของคุณ


ทุกท่านจะสังเกตไหมครับว่า เพื่อนๆ ใน facebook ของท่าน
มักจะโพสต์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่เขากำลังขายหรือเป็นสมาชิกอยู่เสมอๆ
โดยส่วนใหญ่ กว่า 80% จะเป็นผลิตภัณฑ์
ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเครือข่ายหรือ MLM

ประมาณว่าที่เห็นได้บ่อยๆเดี๋ยวนี้ก็
ครีมนมใหญ่ นมเด้ง ก็มีสโลแกนเด็ดๆว่า "อกฟู รูฟิต by..."
อาหารเสริม ทำให้ใหญ่ ทำให้แข็งแรง
เติมเงินออนไลน์
อาหารเสริม เพิ่มความงาม
ครีมหน้าขาวใส ฯลฯ


ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นเรื่องผิดปกติอะไรนะครับ
กับการที่คุณจะกล่าวถึงธุรกิจที่คุณกำลังทำอยู่
และสินค้าต่างๆที่คุณกำลังขาย ในธุรกิจปัจุบันของคุณ 
บนหน้าfacebook ของคุณ

จริงๆแล้วสถิติที่สมาคมเครือข่ายขายตรงแห่งประเทศไทย บอกไว้ว่า
มีรายชื่อของสมาชิกเครือข่ายของแต่ละบริษัทรวมแล้ว กว่า 20 ล้านคน
ที่อยู่ในธุรกิจเครือข่าย
เท่ากับว่า คนไทยที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป(ตามหลักเกณฑ์ของกฏหมายนะครับ)
1 ใน 3 คนของคนไทยนั้นกำลังทำธุรกิจเครือข่ายอยู่
บางคนกำลังทำมากกว่า 3 บริษัท ในเวลาเดียวกัน
ตอนนี้และขณะนี้เพื่อนของคุณคนใดคนหนึ่งก็กำลังทำเครื่อข่ายอยู่ก็ได้
เพียงแต่เขาไม่ได้บอกคุณเท่านั้น

ผมจึงจะมาบอกคุณว่า อะไรเป็นสิ่งที่ควรทำ และไม่ควรทำ
เมื่อคุณทำธุรกิจเครือข่าย และพยายามที่จะขาย "มัน"บนหน้าfacebook ของคุณ

1.โอกาสใหม่ๆ มีอยู่เสมอ บนโลกของธุรกิจเครือข่าย
และนักธุรกิจเหล่านั้นก็รักมันเสียด้วย
ตามธรรมชาติแล้ว จะมีธุรกิจเครือข่ายเปิดใหม่อยู่ "ทุกๆ วัน"
และจะมีสินค้าใหม่ แผนการจ่ายผลตอบแทนแบบใหม่
และโบนัสต่างๆ ที่จะมาล่อตาล่อใจ นักธุรกิจเหล่านั้นอยู่เสมอๆ
เพราะเมื่อเขาทำอยู่บริษัทเดิมแล้ว ธุรกิจเขาไม่ก้าวหน้าไปไหน
เขาก็จะเปลี่ยนบริษัทไปสู่บริษัทใหม่ทันที

และเมื่อเขาเอามันลงมาทำในหน้า facebook
เขาก็จะเริ่ม "ขาย" สินค้าของเขาในทันที
ทั้งโอกาสทางธุรกิจ และสินค้าของบริษัท
โดยการโพสต์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ต่างๆของเขา
แทบจะทุกสิ่งบนหน้าfacebookของเขา
และจะติดต่อคนเป็นจำนวนมาก
ให้มาชอบและให้สนใจในผลิตภัณฑ์ของเขา
เพราะตอนนี้เขากำลังตื่นเต้นอย่างมากกับโอกาสใหม่ที่เขาได้มันมา
และคิดเอาเองว่า ใครๆก็ "ต้องชอบเหมือนเขา"
โดยสถิติ นักธุรกิจส่วนใหญ่ จะเริ่มต้นธุรกิจ
และมีชีวิตอยู่ในบริษัทนั้นๆ เฉลี่ยแล้ว ประมาณ 2-3 เดือน
แล้วความตื่นเต้นในระยะแรกๆนั้นจะเริ่มหายไป
เขาเริ่มเบื่อ และมีคนสนใจน้อยลงๆ

เพราะไม่ใช่เขาคนเดียวในโลกfacebookที่ขายสินค้าแบบเดียวกับเขา
โอกาสแบบเดียวกับเขา แต่มีเป็นร้อยๆเป็นพันๆคนที่ทำแบบเดียวกับเขา
และคิดว่ามันจะได้ผลตอบรับที่ดี แต่มันไม่ใช่แบบที่เขาคิด
เมื่อมีบริษัทเปิดใหม่ และเขาเข้าไปร่วมในธุรกิจใหม่
เพราะคิดว่าอะไรที่มันใหม่ๆ ก็คงจะสร้างผลตอบรับใหม่ๆให้กับเขา
สิ่งต่างๆที่เขาได้ทำในหน้าfacebookที่ผ่านมาก็จะกลายเป็นสิ่งไร้ค่าทันที
ต่อเมื่อเขาโพสต์โอกาสใหม่ของเขาบนหน้าfacebookของเขาอีกครั้ง
เพื่อนๆเขาจะพูดทันทีว่า "อีกแล้วหรือ"

2.เมื่อบริษัทเครือข่าย เลิกธุรกิจ
แน่นอนว่าการทำธุรกิจใดๆก็ต้องมีค่าใช้จ่าย
บริษัทเครือข่ายก็เช่นเดียวกัน เมื่อการตอบรับไม่ดีหรือลูกค้าน้อย
ค่าใช้จ่ายกับรายได้ ไม่สามารถมีกำไรมาหมุ่นเวียนค่าใช้จ่ายได้
ก็ต้องปิดตัวลงตามปกติ

สถิติ 100 ธุรกิจที่เปิดใหม่พร้อมๆกัน หลัง ครบ 1-3 ปี 
90 ธุรกิจจะตายไปจากโลกของธุรกิจ
และเมื่อครบ 5 ปี จะเหลือธุรกิจ เพียง 1 ธุรกิจเท่านั้น
ที่ยังอยู่ในโลกธุรกิจได้ แต่ก็ไม่ได้การันตีว่า จะสามารถอยู่ได้ตลอดไป
เพาะมีคู่แข่งใหม่ๆ เกิดขึ้นมาตลอดเวลา

เมื่อบริษัทปิดตัวไปแล้ว นักธุรกิจ ที่ทำอยู่ และสิ่งต่างๆที่ได้ทำไป
บนหน้าfacebookของเขา ก็จะหมดความหมายไปโดยปริยายเช่นเดียวกันกับในข้อแรก
และเมื่อเขาไปหาบริษัทใหม่ ก็ทำอย่างเดิมอีก
คนรอบข้างก็จะพูดแบบเดิมอีกว่า "อีกแล้วหรือ"
ชั่งเป็นวงจรที่ "เจ็บปวด" กับคนทำธุรกิจเครือข่าย เสียเหลือเกิน

3.ข้อจำกัดของบางบริษัทที่ห้ามทำการตลาดบนอินเตอร์เนต
บริษัทต่างๆเหล่านั้นจะไม่มาร่วมรับผิดชอบกับคุณด้วยหรอกนะครับ
เมื่อคุณทำการโฆษณาใดๆบนอินเตอร์เนตที่มันเกินความเป็นจริง
บนหน้าfacebookของคุณ
เพราะเขาถือว่าเขาได้ห้ามไว้เป็นกฏแล้ว

เพราะอะไรหรือบริษัทเหล่านั้นถึงได้ห้ามไว้ ก็เพราะว่า
นักธุรกิจหน้าใหม่ๆเหล่านั้นที่เริ่มทำธุรกิจจะพยายาม"สร้างความแตกต่าง"
กับคนอื่นๆที่ขายสินค้าแบบเดียวกับเขา โอกาสแบบเดียวกับเขา
จนบางครั้ง ก็กลายเป็นการพูดจนเกินความเป็นจริงไป

เมื่อเกิดมีปัญหาขึ้นมา ใครที่ต้องเป็นคนรับผิดชอบจากการพูดเกินความเป็นจริงนั้น
คือ...คุณนั้นไงที่ต้องรับผิดชอบ จากทำพูดของคุณเอง
และในfacebook มีข้อจำกัดอยู่ว่า
คุณจะสามารถใช้โลโก้ใดๆได้ก็ต่อเมื่อ
คุณนั้นเป็นเจ้าของอย่างเป็นทางการเท่านั้น
เมื่อคุณเอาสัญลักษณ์หรือโลโก้บริษัทไปทำการตลาด
เมื่อเกิดปัญหาใดที่เกิดจากคุณ
เขาสามารถ ตัดชื่อของคุณออกจากบริษัทได้ในทันที เพื่อตัดปัญหาทั้งหมด
และโยนความผิดทั้งหมดมาที่คุณคนเดียว

4.ความสับสนของแบรนด์
เมื่อบริษัทเครือข่ายเปิดใหม่
จำนวนหน้าfacebookที่อ้างอิงชื่อ แบรนด์ของบริษัทนั้น
อาจมีจำนวนที่น้อยมาก แต่เมื่อนานวันเข้า สมาชิกมากขึ้น
และจำนวนหน้าfacebookก็มากขึ้น เพราะเขาเหล่านั้น
ก็ขายในสิ่งเดียวกัน โลโก้ก็เหมือนกัน คำอธิบายใดๆก็เหมือนกัน
จนเกิดความสับสนของผู้ซื้อว่า
ใครกันแน่ที่เป็นผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการตัวจริง
แลัว สมมุติว่าลูกค้าคนที่เคยซื้อของประจำกับเรา
เกิดวันหนึ่ง
ไปซื้อของกับอีกคนหนึ่ง ที่มีแบนรด์เดียวกับเรา
สินค้าที่โชว์ก็แบบเดียวกัน
แต่กลับถูกโกง และเอาเงินไป ลูกค้าคนนั้น
จะบอกว่า "ช่างเถอะ ซื้อผิดคน เดียววันหลังจะดูให้ดี" ไหม??
คำตอบคือ ไม่ และเขาจะไม่ซื้อสินค้าที่มีแบรนด์เดียวกันนี้
จากคุณหรือใครๆตลอดไป

5. คุณกำลังสร้างแบรนด์ให้บริษัท ไม่ใช่ตัวคุณ
ผมรู้จักน้องคนหนึ่ง เขาเก่งมากด้านการสร้างเพจfacebook
และเขาได้สมัครทำธุรกิจเครือข่ายตัวหนึ่ง
เขาตั้งชื่อตามชื่อตามชื่อบริษัทของเขาที่ทำ เลือกโลโก้ที่สวยที่สุดที่หาเจอ
ตกแต่งหน้าfacebook ด้วยสินค้าต่างๆ อย่างสวยงาม อย่างมืออาชีพ
บรรยายสรรพคุณทุกอย่าง อย่างแจ่มชัด ชัดเจน ในสินค้าของเขา
แต่ถามว่ามีคนรู้จักเขาไหม ..ไม่เลย
เมื่อเวลาลูกค้าคนหนึ่งอยากซื้อสินค้านั้น เขาจะไปซื้อจากใคร
เขาก็จะเข้าเวปไซต์ของบริษัท แล้วจะซื้อกับบริษัทนั้นๆ
ทั้งหมดที่เขาทำ ได้ทำการโฆษณา ให้บริษัท
คนที่ได้ชื่อเสียง คือบริษัท มันดีต่อบริษัทมาก
แต่ไม่มีผลดีกับตัวเขา และเวลาที่เสียไปเลย

นั้นคือว่าทำไมเราไม่ควร "ขาย" สินค้าและโอกาสทางธุรกิจบนหน้าfacebook
เพราะหลังจากการโพสต์เพียงไม่กี่ครั้ง
จะไม่ค่อยเกิดมีการปฎิสัมพันธ์กับหน้าfacebookของคุณ
เพราะเขาจะซ่อนหน้าfacebookของคุณ ออกจากหน้าฟีด ของพวกเขา
และจะไม่มีใครเห็นหน้าของคุณอีกเลย ไม่ว่าคุณจะโพสต์บ่อยแค่ไหนก็ตาม

มีเคล็ดลับบางอย่าง ที่ คนที่ทำธุรกิจเครือข่ายแบบฉลาด เขาทำก็คือ

- คุณต้องสร้างความสัมพันธ์ ( Be Relational )
- คุณมีตัวตนอยู่จริง ( Be Real )
- คุณคือมืออาชีพ ( Be Genuine )
- คนต้องสร้างแง่คิดเชิงบวก ( Be Positive )
- คุณต้องการที่จะให้ ( Be Giving )

ทุกอย่างที่คุณทำ ต้องไม่ "ขาย" แต่คุณกำลังแบนรด์ตัวคุณเอง

นักธุรกิจเครือข่ายที่ประสบความสำเร็จ ไม่เคยผึ่งพาการขายเป็นหลัก
แต่เขาสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์ และแง่คิดเชิงบวก
ระหว่างตัวเขาและ แฟนๆ และประสบความสำเร็จได้โดย
ไม่จำเป็นต้อง "ขาย"

ในต่างประเทศ ก็มีหลายคนที่เขาทำธุรกิจเครือข่าย
แต่หลายๆคนจะไม่ทราบ แต่จะรู้ได้ก็ต่อเมื่อ คุณถามเขาเหล่านั้น
เช่น David Frey(หลายๆคนเรียกคนนี้ว่าปรมาจารย์ด้าน IM),
Art Jonak, Mike Healy และ Eric Worre
ในประเทศไทยก็มีหลายท่าน ก็เอาที่สามารถเอ่ยชื่อได้
คือ อ.กมลเวช เมืองศรี ,
คุณดิษพงศ์ สมิตรอักษร และก็มีคุณ T กับ คุณ P
ซึ่งผมไม่สามารถเอ่ยชื่อท่านเหล่านี้ได้ ซึ่งเป็นคนดังระดับประเทศเลยทีเดียว 

สร้างหน้าfacebookของคุณให้มีคุณค่าสำหรับแฟนๆ และเพื่อนๆ ของคุณ
ต้องให้คนอื่นไล่ตามคุณ ไม่วิธีอื่นใดนอกจากวิธีนี้
สร้างสถานะออนไลน์ให้คนอื่นถามคุณว่า "คุณทำอะไรเพื่อเลี้ยงชีพ"

ดีกว่าการ ยัดเยียด สินค้า และ โอกาสทางธุรกิจ ของคุณ
ให้กับแฟนๆ ของคุณที่เขาไม่ได้ต้องการ
ด้วยการโพสต์ เพื่อ "ขาย"
เก็บการขาย ไว้เป็นเรื่องของการคุยส่วนตัว เมื่อเขาสนใจในสิ่งที่คุณทำจริงๆ
พัฒนาตัวตนของคุณให้เป็น นักพูด trainer หรือ coach
และสิ่งที่คุณควรโพสต์ในหน้าfacebook
คือ การสร้างแรงบัลดาลใจ วิธีการ การสอน และสิ่งต่างๆ ที่จำเป็น
ในการที่ แฟนๆ ของคุณ จะเริ่มทำธุรกิจกับคุณ
เตรียมตัวให้เขา ให้ความรู้ การศึกษาแก่เขา
หรือ ใช้  e-mail maketting เพื่อสร้างความสัมพันธ์ การสอน
หรือ หลักสูตรต่างๆ หรือแม้แต่การขาย ในอีเมล์นั้นไป
เพราะเขาเหล่านั้นได้รู้จักคุณแล้ว เชื่อใจ และไว้ใจในตัวคุณ
เขาพร้อมจะซื้อในทันที ที่คุณบอกว่าคุณขายอะไร
และจากนี้ไป อย่าพยายาม "ขาย" สิ่งใด บนหน้าFacebook ของคุณ
แต่จงพยายามสร้างความสงสัย
ให้เขาถามคุณในสิ่งที่คุณทำ

สมพงษ์ ชนะวงษ์

"ความสำเร็จของคุณ" คือความภูมิใจของเรา

อย่าได้เกรงใจ ติดต่อผมได้ทันที ที่นี่...
Line:somphong_0836174620
Email: somphong.chanawong@gmail.com
Facebook:http://on.fb.me/1wfiyLu

ดาวน์โหลดฟรี คัมภีร์ :
"วิธีการเป็นเจ้าของชีวิตตัวเอง ที่คน 99% โชคร้ายที่ไม่ได้รู้""
คลิกที่นี่
http://freelife.getresponsepages.com/


0 ความคิดเห็น:

 
Somphong Chanawong © 2010 | Designed by Chica Blogger | Back to top