เทคนิคการสปอนเซอร์(sponsor)ใน 5 นาที!!!


 




เทคนิคการสปอนเซอร์(sponsor)ใน 5 นาที!!!


สวัสดีครับ

วันนี้รู้สึกว่าเป็นวันที่ดีมากๆเลยสำหรับทุกคน
เป็นคำถามร้อยล้านกันเลยทีเดียวกับคำถาม
"มีวิธีการ สปอนเซอร์ ยังไง ที่ได้ผลแบบ 100% ไหม??"

มีคำถามก่อนว่า...
คุณรู้สึกยังไง เมื่อมีคนเอา รูปบ้าน รถ หรือ เงินเยอะๆ มาโชว์
คุณรู้สึกยังไง เมื่อมีคนเอา แผนการตลาดที่เขาบอกว่า ดีที่สุดมาเสนอ
คุณรู้สึกยังไง เมื่อมีคนเอา สินค้าที่แทบจะเป็นยาวิเศษ มาให้ลอง
คุณรู้สึกยังไง เมื่อมีตนเอา Lifestye ที่แสนวิเศษมาให้ดู

สิ่งเหล่านี้ จะเรียกว่า  Motivation(การสร้างแรงจูงใจ)
อาจจะได้ผลกับใครบางคนหรือหลายๆคนที่เจอ "สิ่งล่อใจ" เหล่านี้
แต่มันจะได้ผลเพียงระยะสั้นๆ ประมาณ 72 ชั่วโมงเท่านั้น
ในระยะเวลานี้ เป็นช่วงที่ สำคัญมาก
จะได้ทำคือทำเลย ถ้าเลยเวลาไปแล้วก็จะไม่ได้ทำ
ถ้าไม่มีแรงจูงใจอย่างต่อเนื่อง ด้วยการพาเข้าประชุมซ้ำๆ
แบบหลายๆที่เขาทำกัน จนหลายๆคนเริ่มเบื่อ การจูงใจนั้นก็จะไร้ผล
และธุรกิจเครือข่ายมักใช้วิธีนี้เสียเป็นส่วนใหญ่
เพราะเห็นผลเร็ว เห็นผลเยอะ แต่ในระยะยาว มักจะไม่ยั่งยืน

อีกอย่างหนึ่งคือ Inspiration(แรงบันดาลใจ)
สภาวะของบุคคลที่มี "ความต้องการ" ในการกระทำ
การเรียนรู้หรือแสวงหาบางอย่าง "ด้วยตนเอง" โดยมิต้องให้ผู้อื่นมาเกี่ยวข้อง
มีความต้องการที่จะทำอยู่แล้ว มีเจตคติที่ดีต่อสิ่งนี้อยู่แล้ว
หรือมีความสนใจพิเศษในสิ่งนี้อยู่แล้ว
พูดง่ายๆว่า แค่เสนอในสิ่งที่ "เขาต้องการ"เขาก็พร้อมจะทำทันที
วิธีนี้จะเห็นผลช้า และไม่ค่อยจะได้ผลแรงนัก
แต่ระยะยาวจะยั่งยืนและเห็นผลได้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานๆ

ความต้องการของคนที่มีแรงบันดาลใจ เราจะรู้ได้อย่างไร
สามารถดูได้จาก อุปนิสัย ของคน 6 ประเภทนี้


1.กลุ่ม นักรบ (warrior)
คนในกลุ่มนี้จะเป็นพวกลุยแหลก ดุดัน
ตรงไปตรงมา ชอบท้าทาย ชอบการแข่งขัน
มีขอเสียคือ เอาใจใครไม่ค่อยเป็น มีความอดทนน้อย
การกำหนดกฎเกณท์แน่นอน ตายตัว ตรงเวลา
ประสบความสำเร็จ "สูงสุด แรง และเร็ว"
มักจะเข้ากับกลุ่มกับคนอื่นๆไม่ค่อยได้

2.กลุ่ม นักสร้างสรรค์ (Alchemist)
คนในกลุ่มนี้ จะเป็นพวกพูดอ้อมค้อมมักจะไม่พูดอะไรที่ตรงๆ
มักให้ไปคิดต่อจากที่พูดไว้มักจะมีคำคมสวยๆเท่ห์ ออกมาให้ฟังเสมอๆ
เป็นคนที่ชอบสร้างแรงบันดารใจให้ผู้คน มีชีวิตชิวๆง่ายๆ
ชอบสนุกสนาน ชอบเข้าสังคม ชอบท่องเที่ยว ไม่ชอบการท้าทาย
ชอบอะไรที่มันแปลก ๆ ใหม่ ๆ อยู่เสมอนั้น
เนื่องจากต้องการประสบการณ์ที่แปลก ๆ ออกไปนั่นเอง
และชอบทำให้คนอื่นๆรู้สึกดีกับเขา
แต่มักจะไม่ค่อยรักษาเวลาเท่าที่ควร


3.กลุ่ม พ่อมด (wizard)
ไม่ชอบพูดอะไรตรงๆเช่นเดียวกัน แต่บางครั้งแทบจะไม่พูดเลย
ไม่ชอบสังสรรค์ มักเก็บตัวเงียบๆ แต่ในหัวจะคิดตลอดเวลา
เมื่อจะลงมือทำอะไรสักอย่าง มักมีแผนการล่วงหน้าก่อนเสมอ
ข้อมูลเพียบพร้อม ระเอียดรอบคอบ ผิดพลาดไม่ได้
ทุกอย่างต้องถูกต้องตามแผนที่วางไว้ ตลอดเส้นทางธุรกิจเขา
มักมีนิสัยมาก่อนเวลาเสมอๆ

4.กลุ่ม นักบวช(priest)
เรียกว่าประเภท "โลกสวย" ก็ว่าได้
ชอบช่วยเหลือผู้คน ไม่สนใจเรื่องเงิน เกลียดการท้าทาย
ไม่ชอบแข่งขัน การสื่อสารกับใครๆ มักคิดถึงใจผู้อื่นก่อนเสมอ
เพราะไม่ต้องการขัดแย้งกับใครๆ ไม่ชอบความสนุกสนาน
ไม่ใช่นักวิเคราะห์ ไม่คิดเยอะ แต่ชอบทำทันที ไม่กลัวล้มเหลว
แต่ถ้าสิ่งใดที่สามารถช่วยเหลือคนอื่นๆได้เขาจะทำทันที
จะเป็นคนตรงต่อเวลา ไม่มาก่อน และไม่มาสาย


5.กลุ่ม เทวดา(Angel)
มองทุกอย่างจากข้อมูลและเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์
มีเป้าหมายที่ชัดเจนแน่นอน ตรงไปตรงมา ไม่ต้องการความคิดเห็น
มีความเป็นกลาง ต้องการข้อเท็จจริงเท่านั้น 
เน้นข้อมูลที่แสดงได้เป็นตัวเลขและข้อมูลต่าง ๆ
เพื่อการวิเคราะห์ และหาข้อสรุป


6.กลุ่ม ปีศาจ(Devil)
คนกลุ่มนี้จะระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ ถ้ามีอะไรรู้สึกผิดปกติ
จะไม่ยอมรับในทันที และต่อต้านอย่างแรง
ชอบคิดแบบใช้ เหตุและผล เสมอ ไม่ต้องการเรื่องอารมณ์
ชอบศึกษาประวัติของสิ่งต่างๆ ประสบการณ์ของคนอื่น
และมักจดจำประสบการณ์ของตัวเองได้เป็นอย่างดี

เมื่อคุณได้รู้แล้วว่า คนเราคิดและมีแรงบัลราดใจจากอะไร
คุณก็เสนอสิ่งนั้นให้เขา ให้ผู้มุ่งหวัง"ได้ตัดสินใจ"ด้วยตัวเขาเอง
อย่างเช่น ในกลุ่มนักรบที่ชอบการท้าทาย
คุณก็แค่ส่ง "การท้าทาย" ไปให้เขา ด้วยการบอกว่า

"ตอนนี้สถิติของคนที่เป็นไดม่อน ใช้เวลาแค่ 2 เดือนเอง
คุณคิดว่าคุณจะสามารถ ทำลายสถิตินี้ได้ไหมละ
อย่างคุณผมว่าแค่เดือนเดียวก็พอแล้วที่จะพิชิตไดม่อน"

หรือกลุ่มที่เราเจอประจำ เช่น พวกที่บอกว่า "ขอคิดดูก่อน"
นั้นหละพวกต้องการข้อมูลครับ เป็นพวกนักสร้างสรรค์ จัดไปเลยครับ
ซีดี แผนการตลาด รายละเอียดบริษัท รูปแบบสินค้า โอกาส
ให้ไปให้เยอะ แล้วให้เขาได้พิจารณา อาจจะหายไปสักอาทิตย์นึง
แต่เมื่อเขากลับมา...เขาจะมาขอสมัครด้วยตัวเขาเอง

ใช้เวลา  5 นาทีพูดคุยกับผู้มุ่งหวังศึกษาว่าเขาเป็นคนกลุ่มไหน
ก่อนจะเสนอเพื่อให้โดนใจกับแรงบันดาลใจของเขา

ผมเชื่อว่า ทุกคนบนโลกนี้ อยากมีชีวิตที่ดีขึ้น
อยากมีอิสรภาพทางการเงิน มีเวลาเพื่อไปใช้กับคนที่เรารัก
สุขภาพที่ดี และที่สำคัญ คือ อนาคตของลูกๆ และคนในครอบครัว
เกิดวันใดวันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา
(ไม่ได้แช่งนะครับ แต่เจอกับตัวเองมาแล้ว)
เราก็ได้วางรากฐานที่ดีให้ครอบครัวเราแล้ว
ครอบครัวก็จะอยู่ต่อไปได้ โดยที่ไม่ลำบากครับ

"ทำวันนี้ของคุณให้ดีที่สุด
ให้เหมือนว่าวันนี้คือวันสุดท้ายของชีวิตคุณ"

แล้วจะได้ไม่เสียใจในภายหลังครับ...

สมพงษ์ ชนะวงษ์

"ความสำเร็จของคุณ" คือความภูมิใจของเรา

อย่าได้เกรงใจ ติดต่อผมได้ทันที ที่นี่...
Line:somphong_0836174620
Email: somphong.chanawong@gmail.com

-----------------------------

ดาวน์โหลดฟรี คัมภีร์ :
"วิธีการเป็นเจ้าของชีวิตตัวเอง ที่คน 99% โชคร้ายที่ไม่ได้รู้""
คลิกที่นี่
http://freelife.getresponsepages.com/
-----------------------------



ใคร..ที่คุณควรชวนมาทำธุรกิจเครือข่าย??



ใคร..ที่คุณควรไปชวนทำธุรกิจเครือข่าย??


คำพูดยอดฮิต ของคนทำธุรกิจเครือข่าย..
ไม่รู้ว่า จะไป สปอนเซอร์ใครดี???

การที่เราจะเลือกกลุ่มคนที่เรียกว่า "ผู้มุ่งหวัง"
หรือ "กลุ่มเป้าหมาย"
สมัยก่อนมักจะสอนกันว่า

"ให้ชวนทุคน ในระยะที่ตาเห็น หรือมือคว้ามาได้"

.......

อ่านตรงนี้ก่อนนะครับ...

บางครั้งเราได้แนะนำธุรกิจเราไปแล้ว
ในตอนแรกเขาบอกสนใจ แต่พอฟังจนจบ..
เขาบอกไม่มีทุน.. ขอคิดดูก่อน..
อย่าเพิ่ง "คิดไปเอง" นะครับว่าเขาไม่ได้สนใจ
เพียงแต่เขาอาจไม่มีทุนจริงๆ หรือ ข้อมูลที่เราให้ยังไม่เพียงพอ

ความจริงบางอย่างที่สังคมไทยเป็นกันอยู่ แต่ไม่ค่อยจะยอมรับกันนัก
คือ รายได้ของแต่ละคน ไม่ว่าจะสูงแค่ไหน มักจะไม่ค่อยพอใช้กัน..
มันมีทฤษฎีนึงที่บอกว่า

"รายจ่ายของเรามักจะสูงขึ้นตามรายรับของเราเสมอ"

ทั้งเสี่ยใหญ่เจ้าของกิจการขับเบ็นซ์ราคาหลายล้าน  ข้าราชการ
ครูบาอาจารย์สายอาชีพต่างๆ พนักงานบริษัทระดับหัวหน้า
พนักงานรัฐวิสาหกิจระดับบน ลูกจ้างทั่วไป แม่ค้าขายของในตลาด
เจ้าของปั๊มน้ำมันใหญ่ เจ้าของตลาดสด เจ้าของร้านขายวัสุดโคตรใหญ่มาก
ล้วนแต่หนีไม่พ้นจาก ทฤษฎี นี้ทั้งนั้น

1.คนส่วนใหญ่ที่เป็นมนุษย์เงินเดือน ทำงานบริษัท
เค้ามีรายได้ประจำแต่มักแค่พอกินพอใช้ หรือมีเก็บนิดหน่อย
ไม่มีใครร่ำรวยจากการรับเงินเดือนประจำหรอกครับ
ส่วนใหญ่มีหนี้ทุกคน และมีมากซะด้วย แถมมักเป็นหนี้ระยะยาวมาก
จนเกือบเกษียณโน่นเลยบางคนเลยทำใจลาออกหรือถูกไล่ออกไม่ได้
เพราะเป็นหนี้แบบนี้แหละที่เป็นโซ่ล่ามเค้าไว้

2.ข้าราชการไม่ว่าสายไหน กระทรวงไหน ที่ทำงานอย่าง"สุจริต"
โดยไม่มีมรดกมาก่อนหรือกิจการอื่นรองรับ
จะแค่พออยู่พอกิน หนี้สินเพียบ ทั้งผ่อนรถ ผ่อนบ้าน
บัตรเครดิต หนี้สหกรณ์กันยาว
กลุ่มนี้ก็เช่นกันที่ลาออกไม่ได้เพราะโดนโซ่ตรวนแห่งหนี้สินล็อคไว้

3.เจ้าของกิจการที่เราเห็นเค้าดูมีกิจการใหญ่โต อย่าคิดว่ามีเงินนะครับ
การทำธุรกิจใช้เงินหมุนครับ บางทีแทบไม่พอตอนสิ้นเดือน
บางคนมีหนี้กับธนาคารหลายล้านบาท ใช้ได้แต่ดอกเบี้ยเป็นเดือนๆไป
แต่เงินต้นยังอยู่ครบในธนาคาร

4.คนที่ไม่มีงานประจำหรือแม้แต่คนที่มีเงินเดือน "อยากรวยทุกคน"
ถ้ามีโอกาสหาได้มากกว่านั้น อย่าไปมโนเอาเองว่าเค้ามีพร้อมหมดแล้ว
เค้าคงไม่สนใจหรอก

5.ไม่มีมนุษย์คนไหนไม่อยากมีรายได้เพิ่ม แม้จะมีฐานะมากแค่ไหน
ถ้ามีรายได้เสริมเพิ่มมาเป็นกระเป๋าใบที่สองสามสี่ เค้าเอาหมด
อย่าคิดแค่ว่าเค้ารวยแล้วคงไม่สนใจที่จะหารายได้เพิ่มหรอก
อย่าคิดว่าคนรวยแล้วไม่อยากได้เงินนะครับ
เค้าอยากได้มากกว่าเราที่จนกว่าอีก เราอยากได้แค่ 10 ล้าน
แต่เค้าอยากได้เป็นร้อยล้าน ไม่งั้นเค้าจะไปเล่นหุ้น ซื้อหวยกันเหรอครับ
บางคนเงินเก็บเป็นล้าน แต่ก็อยากได้เพิ่มก็ยังไปลงในหุ้น

6.คนมีชื่อเสียงกับคนมีฐานะร่ำรวยอาจไม่ใช่คนเดียวกันเสมอไป
คนมีชื่อเสียงหลายคนเค้าจนกรอบกว่าเราอีกก็มี

7.ทุกคนมีจุดอ่อนที่อยากได้เงินเพิ่มทั้งนั้น
เช่นค่าเทอมลูก เงินท่องเที่ยว อยากพักแต่ไม่ได้พัก สุขภาพที่เปลี่ยนไป
บางคนเบื่องานประจำตัวเอง อยากลาออกจะตาย
แต่ไม่รู้จะไปทำมาหากินอะไรที่ยังมีรายได้พอ
บางทีเค้ามองไม่เห็นช่องทางหรือโอกาสว่าจะหารายได้เสริมอย่างไร
บางคนไปคุยนิดเดียวก็เกิดการ Click ดีใจแทบต่อมน้ำตาแตกก็ยังมี

หลายคนเริ่มหัวเราะ...
เพราะมองเห็นตัวเองว่า ที่มาสนใจทำธุรกิจเครือข่าย
ก็เพราะอยู่ในกลุ่มที่ผมยกตัวอย่างมานะแหละ
ยังรู้สึกขอบคุณอัพไลน์ด้วยซ้ำว่าโชคดีที่มาชวนทำงานนี้
เลยมีโอกาสดีจากวันนี้ยาวไปถึงอนาคต
ตอนแรกเลยคือขอปลดหนี้ให้ได้ก่อนเถอะ
รางวัลไปเที่ยวเมืองนอกไม่ต้องเอามาล่อ รถหรูก็ไม่ต้องเอามาล่อ
ขอแค่ตื่นมาแต่ละวันไม่ต้องคิดว่า
จะเอาเงินที่ไหนมาเสียดอกเบี้ยหรือใช้หนี้
เท่านี้ก็มีความสุขขึ้นเยอะแล้ว
อนาคตค่อยว่ากันใหม่

ผมอยากบอกทุกคนที่อาจจะเริ่มท้อนะ อย่ายอมแพ้เด็ดขาด
ลองหันมามองกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆอย่าจำกัดแค่ที่เราคิดไว้นะครับ
ยังเหลือคนอีกหลายล้านคนยังไม่รู้จักธุรกิจเครือข่าย
และเชื่อว่าหนึ่งในนั้นคือเพชรที่เราตามหาอยู่นะครับ

ผมมั่นใจมากว่าธุรกิจเครือข่ายทำไม่ยากครับ
ขอให้พยายามผ่านก้าวแรกไปให้ได้ แล้วมันจะไปต่อเอง
เดินเข้าไปเถอะ สำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ช่าง
แต่อย่างน้อยได้ให้โอกาสตัวเองให้ลงมือทำ
บางคนจะเคยเจอมาแล้วว่าบางเคสไม่คิดว่าจะใช่
แต่แค่ลองดูกลับได้เพชรเม็ดใหญ่มาเลย

เวลาสปอนไม่สำเร็จ อย่าคิดมาก
เพราะบางทีเค้าไม่ได้เกิดมาเพื่อคิดเหมือนเรา
ต่อให้เอาเทวดาหรือโคตรไดม่อนมาพูดก็อาจไม่สำเร็จ
บางคนเค้าเลือกชีวิตของเค้าแล้ว ก็ปล่อยไปครับ

ผมเข้าใจดีครับว่าคนที่เตรียมตัวศึกษาธุรกิจเครือข่าย
จนพร้อมมาก่อนแบบผมแล้วเดินเข้ามาสมัครเอง
ย่อมทำงานได้เร็วกว่าคนที่ไม่รู้จักแต่ถูกสปอนมา
นั่นก็คือเหตุที่ต้องโค้ชให้ลูกทีมรู้จักธุรกิจเครือข่ายดีเท่าผม
เพื่อให้เค้าเข้าใจระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผมโค้ชลูกทีมที่ยังไม่เก่งให้เค้าปรับทัศนคติใหม่ ไม่นานเค้าไปต่อได้

อยากบอกว่าที่พวกเราท้อ
คือ "แพ้ความคิดตัวเอง" ในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้นครับ
เหมือนเด็กกำลังหัดเดินแล้วต้องล้มเจ็บตัวบ้าง
แต่เมื่อเราเดินเป็น เราจะเดินได้ไกลและแข็งแรงขึ้นทุกวัน

ทุกคนมีความสามารถครับ
แต่ความคิดตัวเองต่างหากที่ทำให้เหมือน"นักรบที่ไม่อยากรบ"
ผมเพียงแค่ช่วยให้นักรบอยากรบขึ้นมาเท่านั้นเอง
การออกไปลงมือทำเต็มร้อย แต่กลับได้กินแห้วจนอิ่มเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้
แต่อย่ากินลูกท้อนะครับ...

 สมพงษ์ ชนะวงษ์

"ความสำเร็จของคุณ" คือความภูมิใจของเรา

อย่าได้เกรงใจ ติดต่อผมได้ทันที ที่นี่...
Line:somphong_0836174620
Email: somphong.chanawong@gmail.com

-----------------------------

ดาวน์โหลดฟรี คัมภีร์ :
"วิธีการเป็นเจ้าของชีวิตตัวเอง ที่คน 99% โชคร้ายที่ไม่ได้รู้""
คลิกที่นี่
http://freelife.getresponsepages.com/

ทักษะสำคัญที่ควรเรียนรู้เมื่อเริ่มทำธุรกิจเครือข่าย


ทักษะสำคัญที่ควรเรียนรู้เมื่อเริ่มทำธุรกิจเครือข่าย


สอนจาก ประสบการณ์จริง

เกือบทั้งหมดของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
ล้วนเกิดจากการเรียนรู้ ลองผิดลองถูก ของคนเก่าๆมาแทบทั้งสิ้น
เพราะยังไม่มีโรงเรียนหรือหลักสูตรไหนในโลกนี้
สามารถทำให้ทุกคนประสบความสำเร็จได้ทุกคน

เป็นเพียงแค่ "วิธีการ" ไหนที่เหมาะกับใครและไม่เหมาะกับใคร
ใครนำไปใช้ประโยชน์ได้มากน้อยแค่ไหน ขึ้นกับ
"ความพยายามและความมุ่งมั่นของแต่ละคน"
ว่าจะพัฒนาตัวเองไปสู่ความเป็นผู้นำได้

ทักษะพื้นฐาน ที่ควรจะทราบไว้ และนำไปพัฒนาตัวเอง

1.ทัศนคติของผู้ประสบความสำเร็จ
2.ทักษะการเป็นผู้นำ
3.ทักษะในการสื่อสาร
4.ทักษะในการพบปะผู้คน
5.การเอาชนะ ความกลัว ความสงสัย และความไม่มั่นใจในตัวเอง
6.การเอาชนะความกลัวจากการคำปฏิเสธ
7.ทักษะบริหารการเงิน
8.ทักษะการลงทุน
9.ทักษะในด้านการสร้างความน่าเชื่อถือ
10.ทักษะการบริหารเวลา
11.การตั้งเป้าหมาย
12.การจัดระบบ
13.ทักษะของการสื่อสารกับตนเอง

เหล่านี้ ล้วนเป็นทักษะพื้นฐาน ที่ควรเรียนรู้ไว้ทั้งสิ้น
อยู่ที่ว่าใครทำได้มากได้น้อย
บางคนที่สามารถพัฒนาได้บางทักษะ
อาจทำรายได้มากกว่าคนที่มีทักษะครบทั้งหมด
ขึ้นกับว่า
เขาได้นำมันไปปฏิบัติด้วยหรือไม่

"การรู้มาก กับ การทำมาก"

ผลก็ย่อมออกมาแตกต่างกัน
ถึงแม้จะสร้างรายได้ไม่ได้เลยในธุรกิจเครือข่าย

แต่ทักษะเหล่านี้มีประโยชน์ และมีคุณค่า
กับตัวคุณอย่างมหาศาลแน่นอน ในอนาคต

สมพงษ์ ชนะวงษ์

"ความสำเร็จของคุณ" คือความภูมิใจของเรา

อย่าได้เกรงใจ ติดต่อผมได้ทันที ที่นี่...
Line:somphong_0836174620
Email: somphong.chanawong@gmail.com
Facebook:http://on.fb.me/1wfiyLu

-----------------------------

ดาวน์โหลดฟรี คัมภีร์ :
"วิธีการเป็นเจ้าของชีวิตตัวเอง ที่คน 99% โชคร้ายที่ไม่ได้รู้""
คลิกที่นี่
http://freelife.getresponsepages.com/
-----------------------------

โรงเรียนเครือข่าย "สอนอะไร"??




คุณค่าของธุรกิจเครือข่าย


หนังสือเก่าๆใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์เสมอไป..บางทีก็มีคุณค่ากว่าหนังสือใหม่ๆมากมาย
ไปรื้อห้องสมุดของตัวเองมาดู มาทบทวนสิ่งเก่าๆ รื้อฟื้นสิ่งที่อาจจำไม่ได้
เจอหนังสือ " โรงเรียนสอนธุรกิจ "ของ Robert Kiyosaki
เอามาอ่านใหม่อีกไม่รู้รอบที่เท่าไหร่แล้ว แต่รอบนี้จะรีวิวมาให้คนที่ไม่เคยอ่าน
ก็แปลกใจว่าบางสิ่งบางอย่างดูเหมือนยังทันสมัยอยู่เลย แม้มันจะหลายปีมาแล้วก็ตาม


เจอประโยคสะดุดใจ ที่หลายๆคนคงเคยได้ยิน

"โรงเรียนสอนให้เราออกไปทำงานหนัก'เพื่อหาเงิน'
แต่ผมเขียนหนังสือเหล่านี้เพื่อ'ให้คนรู้วิธีใช้เงินทำงานหนัก'
ให้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในโลกนี้"


คุณเชื่อในประโยคนี้ไหม ???

สำหรับคนที่ "ไม่เชื่อ" ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ก็จะกลับไปใช้ชีวิตแบบ
"คนส่วนใหญ่" บนโลกนี้ต่อไป

ส่วนคนที่ "เชื่อ"
จะได้พบกับโลกที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง แต่ผมไม่ได้บอกว่าทุกสิ่งจะง่ายเสมอไป
แต่มันต้องแลกมาด้วยหลายสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่กล้าแม้แต่จะ "คิด"

โรงเรียนสอนธุรกิจนี้ เขาสอนอะไรบ้าง..

1.สอนให้เห็นถึง "โอกาสในการเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณเอง"
ไม่ใช่เรื่องเงิน ไม่ใช่เรื่องสินค้า หรือแผนการจ่ายผลตอบแทน
แต่เป็นกระบวนการอบรม ที่ทำให้คุณเปลี่ยนจาก
"ดักแด้กลายเป็นผีเสื้อ"
ที่พร้อมเผชิญสถานการณ์ต่างๆในอนาคตที่คนทั่วไปมักจะหลีกเลี่ยง
และไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับมัน

2.สอนให้เห็นถึง "โอกาสเปลี่ยนจากสิ่งที่ทำไม่ใช่เพียงแค่การเปลี่ยนงาน"
การเปลี่ยนทัศนคติจาก ผู้ที่อยู่ด้านซ้ายของเงินสี่ด้านมาสู่ด้านขวา
มักเป็นสิ่งที่ไม่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ สำหรับคนทั่วๆไป เพราะมันเป็นสิ่งที่เรียกว่า
"สุดขั้ว"



ดังนั้นจึงเกิด "พี่เลี้ยง" หรือ "ที่ปรึกษา" ขึ้น
คอยแนะนำคนใหม่ที่เพิ่งมาเข้าโรงเรียน ให้ได้รู้จักวิธีการและแนวคิดที่ถูกต้อง
ของการเป็น "นักธุรกิจเครือข่าย" ที่ดี
ดังนั้น..แต่
"จงสังเกตที่คำพูดให้ดี"

ว่าบริษัทนั้นสนใจแค่ให้คุณเป็น "นักขาย"
หรืออบรมใน "ทักษะด้านธุรกิจ"
เพื่อให้คุณประสบความสำเร็จในธุรกิจนั้น

3."ใช้ต้นทุนในการเริ่มต้นต่ำกว่าในทุกธุรกิจ"
โรงเรียนนี้ใช้ทุนเริ่มต้นเป็นเงินนั้นเพียงเล็กน้อย
แต่ก็มีทุนในส่วนอื่นๆที่เพิ่มเข้ามา
ที่ "ไม่ใช่เงิน" ก็ไม่มากนัก เช่นเวลา แรงกาย แรงใจ และความพยายาม
ในการเรียนรู้สิ่งต่างที่ระบบของโรงเรียนได้จัดเตรียมไว้ให้

เป็นระบบที่เตรียมไว้ให้กับ "ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้"
แต่ที่คนส่วนใหญ่เดินไปไม่ถึง เพราะ"ล้มเลิก"ก่อนที่เขาจะไปถึง
สิ่งสำคัญที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ
มีสองอย่าง "ช่วยตัวเอง" และ "ช่วยคนอื่น"

4.สอนให้เห็นถึง "การได้ลงทุนในธุรกิจประเภทเดียวกับที่คนรวยทำ"
ปัญหาสองอย่างที่เจอเกี่ยวกับเงินคือ
"การมีเงินน้อยเกินไป" ที่คนส่วนใหญ่เป็นกัน
และ "การมีเงินมากเกินไป" แล้วไม่รู้จักการใช้เงินนั้นมาทำงานแทน

ความสวยงามของธุรกิจนี้ก็คือ สิ่งที่คุณต้องทำเพื่อความสำเร็จ
ก็คือ "การช่วยให้ผู้อื่นประสบความสำเร็จ"

ไม่ได้วัดที่คุณมีเงินเท่าไหร่แต่มันอยู่ที่คุณ"ช่วยผู้คน"ได้มากเท่าไหร่

5."โอกาสสร้างฝันให้เป็นจริงได้"
"คนส่วนใหญ่อยู่อย่างไร้ความฝัน"
คนที่ร่ำรวยส่วนใหญ่มักจะมีฝันที่ใหญ่ ต่างจากคนจนที่มักมีฝันเล็ก
แม้ว่าจะไม่มีเงิน ก็ยังสามารถฝันที่จะร่ำรวยได้ เพราะความฝันไม่จำเป็นต้องใช้เงิน
ส่วนคนจนจำนวนมากเขาจนเพราะเขาเลิกที่จะฝัน

ปัญหาใหญ่คือ อย่าให้ใครมาทำลายความฝันของคุณ
ด้วยคำว่า "แกทำไม่ได้หรอก"

6."คุณค่าของธุรกิจเครือข่ายวัดด้วยอะไร"
กฎของเมตคาร์ฟ
คุณค่าของเครือข่าย=ผู้ใช้(ยกกำลัง)^2

เพื่อที่จะใช้ประโยชน์จากศักยภาพของมัน
งานที่คุณต้องทำก็คือ โคลนนิ่งหรือ หาคนที่คิดเหมือนคุณมาให้ได้
เมื่อคุณหาได้ 1 คน คุณค่าจาก 0 จะกลายเป็น 4 ไปในทันที

ถึงแม้ว่าคุณจะมีรายได้เพียง 10%
แต่จากคน 8 คน รายได้คุณจะมีมากถึง 80%
เมื่อคุณสร้างเครือข่าย ประสบความสำเร็จ

7."คุณค่าที่คุณประเมินตัวเอง จะเป็นตัวกำหนดสิ่งที่คุณเป็น"
ใน5ปี ธุรกิจจำนวน95% จะล้มเหลว แต่อีก 5% ทีเหลือจะประสบความสำเร็จ
คุณ "มองที่อะไร" ในสองอัตราส่วนนี้ มันคือสิ่งที่กำหนดสิ่งที่คุณเป็น
อีกคำถามหนึ่ง
"การลงทุนทำธุรกิจ" กับ "การขับรถ" อันไหนเสี่ยงกว่ากัน??

8.สอน "การพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำ"
"เงินมักจะไหลไปสู่ผู้นำ ถ้าคุณต้องการเงินมากๆ
คุณต้องพัฒนาความเป็นผู้นำให้มากขึ้น"

ทักษะการเป็นผู้นำเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ในโรงเรียนนี้
"ถ้าหากคุณเป็นผู้นำของทีม และคุณจะต้องเป็นคนที่ฉลาดที่สุด
ในทีมเสมอ ทีมของคุณก็จะมีปัญหา"

การสื่อสารของผู้นำจะสื่อสาร "จากจิตวิญญาณสู่จิตวิญญาณ"



คนที่ประสบความสำเร็จ เทียบกับคนที่มีคุณค่าไม่ได้
ไอน์สไตน์

การตลาดแบบเครือข่าย แม้จะถูกมองด้วยสายตาที่ไม่ดีนักจากหลายๆคน
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงคือ  มีรายชื่อของคนทำธุรกิจเครือข่ายเพิ่มขึ้นทุกวัน
ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายขนาดเล็ก ลงทุนไม่ถึงพันบาท
จนถึงขนาดลงทุนหลักแสน
จากสถิติของสมาคมเครือข่ายขายตรง มีคนทำธุรกิจเครือข่ายในประเทศไทย
 เกือบ 25 ล้านคน ด้วยเหตุเพราะว่า

1.ผู้คนต้องการที่จะมีอิสรภาพมากขึ้น
2.ผู้คนต้องการความร่ำรวยมากขึ้น
3.กองทุนประกันสังคมมีแนวโน้มว่าจะจ่ายเบี้ยคนชราไม่ได้ในอนาคต
4.ผู้คนจะเริ่มตระหนักถึงสิ่งต่างๆมากขึ้น
ด้วยโลกแห่งอินเตอร์เนตจะนำพาข่าวสารมาให้ผู้คนได้เป็นจำนวนวันละมากๆ
การคาดการณ์สิ่งต่างๆจะง่ายขึ้น และนำไปสู่การตัดสินใจที่ง่ายขึ้นไปด้วย
5.การตื่นตัวจะมีมากขึ้น เพราะค่าเงินเฟ้อที่ทุกๆ 24 ปี
ไม่ว่าเงินคุณจะมีเท่าไหร่ มันจะลดค่าลงครึ่งหนึ่ง
ทุก25ปีหรือมากว่า จะมีโอกาสเกิดวิกฤตเสรษฐกิจขึ้นเสมอๆ
การได้เริ่มทำธุรกิจเครือข่ายก่อนจะนับเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด

ขั้นตอนการเริ่มทำธุรกิจเครือข่าย
1.ตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
2.กำหนดเวลาที่แน่นอนว่าจะทุ่มเทจริงจังกี่ปี
3.กำหนดเป้าหมายที่คุณต้องการ ว่าจะมีรายได้ต่อเดือนที่เท่าไหร่
4.ยึดมั่นกับเป้าหมาย และจง "อย่าเปลี่ยนใจ"
5.ศึกษาอย่างจริงจังให้ราวกับว่านี่คือโอกาสสุดท้ายในชีวิต
6.ฝันให้ใหญ่ แม้ไม่ถึงจุดหมาย แต่มันจะไปถึงครึ่งทางหรือก็เกือบถึงเสมอ

พี่เลี้ยงที่ดีที่สุดในโลกพร้อมอยู่แล้วที่จะให้คำแนะนำคุณ

ถ้าคุณอยากบินแบบอินทรี จงเข้าไปอยู่ในฝูงอินทรี




ถ้าคุณอยากบินแบบอินทรี แต่เข้าไปอยู่ในฝูงเป็ด
ไม่มีวันที่คุณจะบินแบบอินทรีได้

สมพงษ์ ชนะวงษ์

"ความสำเร็จของคุณ" คือความภูมิใจของเรา

อย่าได้เกรงใจ ติดต่อผมได้ทันที ที่นี่...
Line:somphong_0836174620
Email: somphong.chanawong@gmail.com

-----------------------------

ดาวน์โหลดฟรี คัมภีร์ :
"วิธีการเป็นเจ้าของชีวิตตัวเอง ที่คน 99% โชคร้ายที่ไม่ได้รู้""
คลิกที่นี่
http://freelife.getresponsepages.com/



 
Somphong Chanawong © 2010 | Designed by Chica Blogger | Back to top