การดึงดูดความร่ำรวยที่พระพุทธเจ้าสอน




การดึงดูดความร่ำรวยที่พระพุทธเจ้าสอนไว้

ผมจะเปรียบเทียบคนเหมือนเครื่องรับวิทยุ
และผมจะบอกว่าความร่ำรวยมันก็มีความคลื่นความถี่ของมันเอง
ถ้ารับปรับคลื่นของตัวเราไม่ตรงกับความร่ำรวยแล้วก็จะยากที่ร่ำรวยได้

ผมหมายถึงว่าตัวเราเอง ต้องปรับคลื่นของตัวเองไปหาคลื่นนั้น
แล้วจะปรับได้ยังไง มันมีวิธีปรับ ครับ
และพระพุทธเจ้าก็ได้สอนมาให้เราแล้วกว่า 2500 ปี
เพียงแต่เราทำไม่ถูกวิธี คลื่นมันเลยไม่ตรงกันสักที
ทั้งๆที่คลื่นความโชคดีและความร่ำรวยนั้นล้วนอยู่รอบๆตัวเรา
ถ้าไปถามคนที่ร่ำรวยมากๆในตอนนี้เขาจะรู้เรื่องนี้กันทุกคนครับ

เตรียมตัวเองให้พร้อมเพื่อดึงดูดความร่ำรวย

ครูบาอาจารย์ตั้งแต่ในอดีต ท่านรู้เรื่องเหล่านี้ดี
ได้สั่งสอนเอาไว้ วิธีเตรียมตัวเองให้มีคุณสมบัติ
ที่จะรับความร่ำรวยได้แบบตลอดกาลมีวิธีการดังนี้


1.สร้างบุญใหม่ให้มากเข้าไว้

คงเคยได้ยินคนบ่นกันว่า "ชาตินี้บุญน้อย คงไม่ได้ร่ำรวยกับเขาเสียที"
คำตอบก็อยู่ในถามนั้นหละครับ บุญมีน้อยก็สร้างบุญใหม่ครับ
ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นเหตุผลกันเสมอ เราหว่านสิ่งใดลงดิน ก็จะได้สิ่งนั้นมา
คนใดไม่เคยทำบุญทำทาน ไม่เคยคิดช่วยเหลือผู้อื่น ไม่มีความเมตตากรุณา
ก็ยากที่จะร่ำรวยได้ เพราะ บุญ คือ ต้นกำเนิดแห่งความสุข ความเจริญ

การทำบุญนั้นไม่ว่าจะมากหรือน้อย ล้วนไม่ได้หายไปไหน
จะวนเวียนคอยหนุนเนื่องให้ผู้ที่ได้ทำบุญ ได้อานิสงค์แห่งบุญนั้นตลอดเวลา
ไม่ว่าที่เคยทำมาเมื่อ10หรือ20ปีก่อน ยังอยู่ครบแล้วออกดอกผลอยู่ตลอด
แต่มีสิ่งหนึ่งที่คอยกำหนดอยู่คือ "กรรมกำหนด"

เคยได้ยินเรื่อง "สามล้อถูกหวย" เพียงไม่กี่เดือนก็กลับมาถีบสาม้อเหมือนเดิม
เพราะเนื่องจากบุญเก่ามีมาก แต่บุญใหม่ไม่มี จึงส่งผลให้เงินที่ได้กลายเป็น "ทุกขลาภ"
คนจะรวยได้ต้องมีทั้งบุญเก่าและบุญใหม่ผสมกัน
แต่ขอให้ทุกท่านวางใจเถอะครับ พระพุทธเจ้าบอกไว้ด้วยว่า
การที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ถือได้ว่าทุกคนมีบุญมากกว่าเหล่า เดรฉานมากมายนัก
เพราะมีน้อยนักที่เราจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์
เพราะโอกาสมีแค่เท่าทรายที่ปลายเล็บเมื่อเทียบกันเม็ดทรายทั้งโลก





2.การให้ทาน

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นองค์พระศาสดานั้น
ได้ทรงสั่งสอนสัตว์โลกไว้ว่า ในการสร้างบุญที่ถูกวิธีนั้น
เรียกว่า “บุญกิริยาวัตถุ 10” มีอะไรบ้าง
ไล่ระดับตามผลแห่ง ทาน จากน้อยไปมากนะครับ

1.ด้วยการบริจาคทาน
2.ด้วยการรักษาศีล
3.ด้วยการภาวนา
4.ด้วยการอ่อนน้อมถ่อมตน
5.ด้วยการช่วยขวนขวายทำในกิจที่ชอบ
6.ด้วยการเฉลี่ยส่วนความดีให้ผู้อื่น
7.ด้วยความยินดีในความดีของผู้อื่น
8.ด้วยการฟังธรรม
9.ด้วยการสั่งสอนธรรม
10.ด้วยการทำความเห็นให้ตรง

เห็นได้ว่าการบริจาคทานที่เป็นวัตถุทานนั้น ให้ผลน้อยที่สุด
เมื่อเทียบกับทั้งหมด แต่ไม่ได้หมายถึงการบริจาคทานไม่ดีนะครับ
ทุกสิ่งที่ทำนี้ล้วนเป็นสิ่งดี ทำให้มากไว้ ล้วนมีประโยชน์ครับ
สร้างคลื่นแห่งบุญไว้ เพื่อรับคลื่นแห่งความร่ำรวย

การให้ทานไม่ว่าจะรูปแบบไหน นั้นคือ หัวใจแห่งความร่ำรวย
คนที่รู้จักการให้มาก ยิ่งให้จะยิ่งได้รับผลตอบแทน
เป็นกฎแห่งกรรมและกฎแห่งธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่
เคล็ดลับที่สำคัญในการให้ทานนั้น มีอยู่แค่ 3 ประการ คือ

ทานนั้นบริสุทธิ์
หมายถึง วัตถุหรือเงินที่ซื้อวัตถุทานนั้นไม่ได้เบียดเบียนใครมา 
หรือเจตนาแห่งทานในส่วนอื่น มากจากความบริสุทธิ์ใจแห่งการให้ทาน

วัตถุทานนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากถึงจะได้บุญมากเสมอไป
ขอแค่ให้ที่มาของวัตถุทานนั้นบริสุทธิ์ ได้มาจากความตั้งใจชอบ
สำหรับการให้วัตถุทานนั้น มี 3 ประเภท
และมีอานิสงส์แตกต่างกัน แบ่งออกเป็น

ทาสทาน หมายความว่า การให้ทานของที่เลวกว่าที่เรากิน หรือของที่เลวกว่าที่เราใช้
สหายทาน หมายความว่า การให้ทานของเสมอที่เรากินอยู่ หรือที่เราใช้อยู่
สามีทาน หมายความว่า การให้ทานของที่ดีกว่าที่เรากินที่เราใช้อยู่

มีเจ้าสัวท่านหนึ่งมีเงินนับร้อยล้าน แต่ด้วยความเป็นคนตระหนี่
ทุกวันจะไปซื้อเศษข้าวจากร้านข้าวต้มมาต้มกับเกลือกินทุกวัน
ด้วยความว่าราคามันถูกและความเสียดายตลอดเวลา
จนแกป่วยขึ้นมา ได้ไปนอนโรงพยาบาล
เมื่อลูกหลานมาเยี่ยมและซื้อผลไม้มาฝาก
ก็โกรธดุด่าว่า ใช้เงินไม่เป็น ซื้อมาทำไมให้สิ้นเปลือง
จนลูกหลานเสียใจไปตามๆกัน
คนแบบนี้มีเงินก็เหมือนเศษกระดาษ
มีทองก็เหมือนมีก้อนหิน เหตุด้วย ทาสทานนั้นเอง

เป็นผู้ให้ที่บริสุทธิ์
หมายถึง เจตนาบริสุทธิ์ทั้งก่อนให้ ขณะให้และหลังการให้
ไม่คิดหวังผลตอบแทน  ไม่คิดเสียดายในทาน
ทำบุญควรมีจิตใจที่ผ่องใส สบาย
ทั้งก่อนให้ ก็มีใจเพื่อให้
ขณะให้ ก็มีใจให้เพื่อความสุข
หลังให้ ก็ยินดีในทานนั้นเพื่อยังประโยชน์แก่ผู้รับ

การอธิษฐานหลังทำบุญนั้นก็สำคัญ ควรที่จะอธิษฐานไปในทางดี
เพื่อให้เรามีความสุข ความขัดข้องอุปสรรคต่างๆ  ความไม่มี
ความขัดสน อย่าเกิดในชีวิตอย่าไปอธิษฐานแบบมีข้อแม้แบบขอไปด้วยในตัว

ขอแนะนำว่า ขอให้เพียรทำความดี ให้ทานโดยไม่หยุดยั้งเท่าที่เราจะทำได้ 
เมื่อถึงเวลาบุญจะทำหน้าที่ตามเหตุและปัจจัย
บุญนั้นจะส่งผลให้เราอัศจรรย์ใจแน่นอน มีตัวอย่างมามากมาย

ผู้รับบริสุทธิ์ คือ ผู้รับที่พร้อมด้วยศีล เป็นคนดี และมีความชอบธรรม
บุญที่ทำย่อมส่งผลให้มากยิ่งขึ้น เรียกว่าเป็น เนื้อนาบุญ
(พื้นนาที่ดี เพื่อรองรับผลของบุญ ให้บุญนั้นเจริญเติบโตยิ่งขึ้น)
หล่านี้คือเคล็ดลับสำคัญที่จะทำให้เรามีความสุข ความเจริญ
นำพาความร่ำรวยมาสู่ชีวิตได้


3.การอนุโมทนาบุญ หรือเรียกว่า บุญงอก
การยินดีในบุญที่ผู้อื่นทำ เหมือนเป็นได้ทำบุญด้วยอย่างหนึ่ง
ถือเป็นการขอบคุณผู้ที่ทำบุญ และป่าวประกาศบุญนั้นให้รับรู้มากขึ้น
ยิ่งมีการอนุโมทนามาก จากสิบเป็นร้อย จากร้อยเป็นพัน
บุญนั้นยิ่งงอกเงยขึ้นไม่รู้จบ

การชักชวนผู้อื่นร่วมทำบุญ พระพุทธเจ้า ท่านตรัสสอนไว้
ในเรื่องของการทำบุญไว้ว่า

“บุคคลใดทำบุญด้วยตนเอง ไม่ชักชวนคนอื่น
ถ้าเกิดในชาติต่อไปจะร่ำรวยโภคสมบัติ แต่ขาดเพื่อน ขาดบริวารสมบัติ
ถ้าดีแต่ชักชวนเขาไม่ทำเอง ชาติต่อไป มีเพื่อนมาก แต่ตัวเองจน
ถ้าทำบุญด้วยตนเองด้วย ชักชวนผู้อื่นด้วย รวยด้วย มีพรรคพวกมากด้วย”


ทำบุญด้วยตัวเอง และชักชวนผู้อื่นร่วมทำบุญ สายใยแห่งบุญนั้น
จะทำให้การทำงานใดๆ การค้าขาย หรือประกอบธุรกิจ
สำเร็จได้โดยง่าย เพราะมีคนร่วมทำบุญนั้นช่วยเกื้อหนุน
การจะเป็นคนร่ำรวยนั้น จะสำเร็จได้ด้วยตัวคนเดียวแทบเป็นไปไม่ได้
ต้องมีคนช่วยเหลือ และส่งเสริมตลอดเส้นทางนั้น

กรรมเก่า ยังไงก็หาทางแก้ไม่ได้ สร้างอะไรไว้ในชาติที่แล้วเราก็ไม่รู้
เรื่องอดีตให้มันเป็นอดีตไป ควรคิดถึงปัจุบันและอนาคต
หากใครชวนท่านไป "แก้กรรม" ถ้าพาไปทำบุญปกติก็ควรทำ
แต่ถ้าทำบุญแบบแปลกๆ คิดไว้ก่อนเลยว่า อาจจะหลอกลวงก็เป็นได้
ทำบุญแล้ว อธิฐาน ขอ อโหสิกรรม เจ้าเก่านายเวรไว้
เป็นวิธีเดียวที่พอจะทำหนักให้เป็นเบาได้

กรรมหนักจะส่งหรือไม่ เป็นเรื่องของกรรม
สร้างกรรมดีในชาตินี้ วันนี้ เดี๋ยวนี้
บุญใหม่จะมีอานิสงฆ์ มีกำลังมาก ทำให้วิบากกรรมเก่าไม่ส่งผล
อย่ายอมจำนนต่อชีวิต เร่งสร้างกรรมดี บุญใหม่
ให้บุญใหม่นั้นส่งผลในชาตินี้ นี่หละคือ
วิธีการดึงดูดความร่ำรวยที่พระพุทธเจ้าได้สอนไว้



สมพงษ์ ชนะวงษ์

"ความสำเร็จของคุณ" คือความภูมิใจของเรา

อย่าได้เกรงใจ ติดต่อผมได้ทันที ที่นี่...
Line:somphong_0836174620
Email: somphong.chanawong@gmail.com
-----------------------------

ดาวน์โหลดฟรี คัมภีร์ :
"วิธีการเป็นเจ้าของชีวิตตัวเอง ที่คน 99% โชคร้ายที่ไม่ได้รู้""
คลิกที่นี่
http://freelife.getresponsepages.com/
-----------------------------








0 ความคิดเห็น:

 
Somphong Chanawong © 2010 | Designed by Chica Blogger | Back to top